ยาฝังคุมกำเนิด - รวมทุกข้อสงสัยของวัยรุ่น


A happy flower cartoon character promoting the right to use contraceptive implant in Thai public health.



หลาย ๆ คนคงพอทราบว่า วิธีคุมกำเนิดที่แนะนำสุด ๆ ก็คือ การฝังยาคุมกำเนิด เพราะว่า ฝังครั้งเดียวก็อยู่ได้ยาว ๆ 3 ปี 5 ปี ไม่ต้องมานั่งคิดว่า วันนี้กินยาคุมรึยัง หรือต้องไปฉีดยาคุมอยู่เรื่อย ๆ และยาฝังก็ยังประสิทธิภาพดีมาก มีแค่ 1 ใน 2,000 คน ที่ฝังยาแล้วอาจจะหลุดมาท้อง และที่สำคัญสำหรับวัยรุ่น 10-20 ปี มันฟรี ฟรี ฟรี! 


แต่ดูเหมือนแค่ ‘ความดี’ กับ ‘ความฟรี’ จะไม่เพียงพอ เพราะวัยรุ่นก็มีความกลัวหลาย ๆ อย่างที่บอกต่อ ๆ กัน จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ทำให้เป็นกังวล จนทำให้ไม่อยากไปฝังยาคุมตัวนี้ซะอย่างงั้น


บทความนี้เราจะมาเล่าถึง ‘ความจริง’ ของยาฝังตัวนี้กัน เพราะมีหลายคนที่แอบมากระซิบถามเรื่องนี้ เราก็ได้แต่เชียร์ไปหลังไมค์ จนเริ่มรู้สึกว่าต้องมาเขียนเชียร์อย่างออกนอกหน้าแล้วล่ะ 



“กลัวพ่อแม่ว่า ถ้าขอให้พาไปฝังยา”
เข้าใจผิดว่า - ถ้าอายุไม่เกิน 18 ปี ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย! แล้วจะมีผู้กล้าท่านใดที่จะเดินไปบอกบุพการีว่า “หนูอยากมีเซ็กซ์จ้า พาหนูไปฝังยาหน่อยนะคะ” ความเข้าใจผิดนี้ก็เลยทำให้หลายคนอดฝังยากันไป ... แต่!!

ความจริงคือ – ตามกฎกระทรวงเมื่อมกราคม พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ว่า ถ้าอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์ ก็สามารถตัดสินใจไปฝังยาคุมกำเนิด ได้ด้วยตัวเองแล้ว โดยที่ไม่ต้องมีผู้ปกครองไปเป็นเพื่อนเลยด้วย! และยังไปรับบริการเกี่ยวกับเรื่องจิ๋มอื่น ๆ ได้ด้วยนะ ลองไปติดตามอ่านกันได้ที่ https://www.rsathai.org/contents/13672 แต่เรื่องนี้หมอและพยาบาลหลายคนไม่ทราบ เลยไม่ยอมฝังให้ในวัยรุ่นที่อายุน้อย ซึ่งจริง ๆ มันกำหนดในกฎหมายเลยนะว่าต้องให้บริการกับเรา


“กลัวเจ็บ”
เข้าใจผิดว่า – มันเจ็บมาก ๆ เพราะเห็นคนอื่นที่ไปทำมา ท้องแขนจะช้ำเป็นจ้ำ ๆ เลย มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ และบางคนเข้าใจว่าฝังยาคุมกำเนิด คือการ “ฝังเข็ม” โดยการเอาเข็มแหลม ๆ จิ้มเขาไป เหมือนฝังเข็มแบบแผนจีน ไม่ใช่นะจ๊ะ มันไม่เหมือนกัน

ความจริงคือ – ยาคุมกำเนิดแบบนี้จะฝังบริเวณท้องแขนด้านใน โดยมีอุปกรณ์พิเศษในการใส่ยาเข้าไปนอนเล่นในท้องแขน โดยรอยแผลจะไม่ถึง 1 เซน และมีการฉีดยาชาก่อนทำ อาจจะเจ็บได้บ้าง แต่รอยช้ำ ๆ ที่มันดูเยอะ เพราะตอนทำก็อาจจะมีการตึงรั้งบ้าง ผิวตรงท้องแขนมันอ่อนเลยช้ำง่าย เหมือนเดินชนมุมโต๊ะ ขาก็ช้ำได้ แต่พอหลังจากหมดฤทธิ์ยาชา อาจจะมีอาการปวดบ้าง แต่ไม่ได้เยอะ ถ้าเป็นมากก็กินยาแก้ปวดหน่อย แค่นั้นเอง ชิว ๆ


“กลัวผลข้างเคียงเรื่องเมนส์ไม่มา”
เข้าใจผิดว่า - เมนส์คือเลือดเสียที่ต้องขับออก ถ้าฝังยาแล้วเมนส์จะมาแบบกะปริดกะปรอย หรือเมนส์ไม่มาเลย ซึ่งจะทำให้เป็นอันตราย

ความจริงคือ – เป็นผลข้างเคียงที่เจอได้บ่อยมาก แต่เมนส์จะหายหรือเมนส์จะกะปริดกะปรอย มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพนะจ๊ะ ไม่ต้องกังวล 





“กลัวเป็นสิว” 
เข้าใจผิดว่า – ถ้าฝังยาคุมกำเนิดแล้ว จะมีสิวเห่อเต็มหน้า หน้าเยิน ไปตลอดกาล

ความจริงคือ – มันก็เป็นผลข้างเคียงที่เจอได้ แต่ไม่บ่อย และถ้าเป็นก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวก็ดีขึ้นจ้ะ


“กลัวอ้วน”
เข้าใจผิดว่า – ฝังยาคุมแล้วน้ำหนักจะเพิ่ม อ้วนขึ้นเรื่อย ๆ ไปตลอดกาล

ความจริงคือ – เรื่องน้ำหนัก เชื่อว่าเกิดจากการสะสมน้ำในร่างกายมันมากขึ้น ทำให้ดูอวบ ๆ หน่อย แต่ว่าก็ไม่ได้พบบ่อยนะ ถ้าอ้วนเอา ๆ อันนี้อาจจะเป็นจากสาเหตุอื่นนะจ๊ะ


“กลัวว่าถ้าเป็นโรคนู้น โรคนี้ จะไปฝังได้ไหม”
เข้าใจผิดว่า – บางคนได้ยินต่อ ๆ กันมาว่า ถ้าเป็นโรคทางจิตเวช ซึมเศร้า แพนิค ห้ามฝังยาคุมกำเนิด เพราะจะทำให้อาการแย่ลง

ความจริงคือ – จริง ๆ ไม่ใช่ข้อห้าม งานวิจัยก็ยังไม่ฟันธงว่าการฝังยาคุมจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ แต่ควรแจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำให้หมอรู้ทั้งหมด จะได้ประเมินความเหมาะสมในการรับบริการฝังยาคุมจ้า


“กลัวว่าอีกหน่อยถ้าอยากมีลูกแล้ว จะท้องยาก”
เข้าใจผิดว่า – การฝังยาคุมกำเนิด มันส่งผลระยะยาวทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากในอนาคต

ความจริงคือ - ยาฝังคุมกำเนิดเป็นแค่การคุมกำเนิดชั่วคราวแบบระยะยาว ถ้าต้องการมีลูกก็สามารถเอาออกได้ ยาก็จะหมดฤทธิ์ทันที และที่สำคัญคือ มันไม่ได้ทำให้มีลูกยากในอนาคตนะ


“กลัวหมอพยาบาลมองแรง”
เข้าใจผิดว่า – หมอและพยาบาลอาจจะมองแรง ด่าท่อว่าเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ หรือบางทีก็ปฏิเสธไม่ฝังยาให้เลย 

ความจริงคือ – เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เข้าใจผิดหรอก เพราะหมอและพยาบาลบางคนก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นนะ ถ้าเจอแบบนั้น แอดอยากให้ยืนยันสิทธิ์ของตัวเองในการรับบริการ อาจจะลองบอกไปว่า ขอบคุณคุณหมอที่เป็นห่วงนะคะ หนูก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกันเลยมาฝังยาคุมค่ะ แล้วยิ้มสวย ๆ ให้หนึ่งที



โครงการฝังยาคุมสามารถไปฝังได้ที่ โรงพยาบาลรัฐบาลทุกแห่งเลย เลือกได้ทั้งแบบ 3 หรือ 5 ปี แนะนำให้ลองโทรไปสอบถามที่โรงพยาบาลก่อนว่ามีรายละเอียดยังไงบ้าง ฟรีถึงก่อนอายุ 20 ปีบริบูรณ์นะ


ส่วนใครที่อายุเกินแล้ว ก็ยังสามารถไปฝังในราคาที่ถูกได้ โดยไปที่สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษาของตัวเอง สิทธิประกันสุขภาพ สิทธิประกันสังคม อยู่ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย


อีกเรื่องที่สำคัญคือ ยาฝังคุมกำเนิด คุมได้แต่เรื่องท้องนะ ไม่สามารถป้องกันเรื่องการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ ต้องใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กันไปด้วยนะคะ


ถ้าใครพร้อมแล้วก็แนะนำให้ไปฝังยาคุมในช่วง วันที่ 1- 5 ของรอบเมนส์นะจ๊ะ และหลังจากฝังก็ยังต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ถุงยางอนามัย ไปอีก 7 วันหลังฝังนะ




ไม่ได้เขียนเพื่อสนับสนุนให้วัยรุ่นทุกคนมีเซ็กซ์ เพียงแต่ ถ้าเราตัดสินใจว่าจะมีเซ็กซ์ ก็อยากให้ดูแลตัวเองให้ดี ป้องกันโรคติดเชื้อ และภาวะท้องไม่พร้อมนะ 


อีกเรื่องนึงคือ ถ้าเรายังไม่อยากมีเซ็กซ์ เรามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธแฟนของเรานะว่า เราจะไม่มี อย่าปล่อยให้ใครมาละเมิดสิทธิ์เรานะคะ


เพจน้องสาว


ใหม่กว่า เก่ากว่า